|
สำหรับคนยังไม่มีสามารถดูวิธีการสร้างได้ที่นี้ "วิธีการสร้าง Myfxbook เพื่อโชว์พอตให้คนอื่นดู"
- Acount บอกว่าเป็นบัญชีจริงหรือบัญชีทดลองใช้
- Gain เป็นเปอร์เซ็นต์อัตราการเติญโตของพอร์ตโดยรวม
- Abs.Gain เป็นเปอร์เซ็นต์อัตราการเติญโตของพอร์ตเมื่อเทียบกับเงินทุน(เปอร์เซ็นต์ของกำไรทั้งหมดจากเงินที่ฝากเข้า)
“absolute gain = (profit/deposits)*100.”
ตัวอย่าง เช่น ฝากเงิน $1,000 กำไร $500, Gain เท่ากับ 50%(balance ปัจจุบันคือ $1,500)
ถัดมาฝากเงินเพิ่มอีก $2,000 กำไร $500 ผลที่ได้คือ (500/3,500)*100 = 14.2%
กำไรสะสม Cumulative yield จะเท่ากับ 50+14.2 = 64.2%
ส่วน Absolute yield จะได้เท่ากับ 1,000/3,000 = 33.3%. - Daily คือ ค่าเฉลี่ยเป็นเปอร์เซ็นต์ของการทำกำไรของระบบต่อวัน
- Monthly คือ ค่าเฉลี่ยเป็นเปอร์เซ็นต์ของการทำกำไรของระบบต่อเดือน
- Drawdown หมายถึง เปอร์เซ็นต์การติดลบมากที่สุดของพอร์ตกับเงินทุน ณ ขณะนั้น(การลดลงของเงินทุนที่เกิดจากการขาดทุน) ซึ่งสำคัญมากเอาไว้ดูความเสี่ยงของระบบ
เช่น ปัจจุบันพอร์ตมีเงิน $1,000 เทรดติดลบ $200 แต่สักพักกราฟวิ่งกลับมาทำให้เราได้กำไรรวมทุนเป็น $1,100 Drawdown จะคิด $1,000 กับการติดลบ $200 ดังนั้น ค่า Drawdown คือ 20 % - Tracking Record Verify คือ ระบบของ Myfxbook ยืนยันแล้วว่า เป็น Data ที่น่าเชื่อถือ
- Trading Privileges Verify คือ การได้รับการยืนยันแล้วว่าข้อมูลทั้งหมดนั้นเป็นจริง จากการที่นำ Investor Password จาก Myfxbook ไปเปลี่ยนใน MT4 ของเรา
- Balance ยอดเงินที่เหลือในพอร์ต
- Equity จำนวนเงินที่เป็นบวกหรือลบหลังจากเปิดorder ในกรณีที่ไม่ได้เปิดorder Equity จะเท่ากับ Balance
- Highest จำนวน Balance ที่มากสุดที่ Account นี้ทำได้
- Profit กำไรทั้งหมดที่พอร์ตนี้ทำกำไรได้
- Interest ยอดรวมของ Swap ทั้งหมดไม่ว่าบวกหรือลบ
- Deposit ยอดเงินฝากที่เราฝากเข้าไป
Withdraw ยอดเงินที่เราทำการถอนออกจากบัญชี
- Trade บอกจำนวนการเทรด ที่เราเปิดorder ทั้งหมด ตั้งแต่แรกจนถึงล่าสุด
- Profitaility บอกถึงorder ที่เราเทรดทั้งหมดนั้น ปิดบวกกี่เปอร์เซนต์ ปิดลบกี่เปอร์เซนต์ โดย จะแสดงเป็นแถบสี
- Pips: pip คืออะไร? การเพิ่มขึ้น หรือลดลง ของค่าเงิน
- Average Win คือ ค่าเฉลี่ยของการทำกำไรได้ต่อหนึ่งออร์เดอร์
- Average Loss คือ ค่าเฉลี่ยของการขาดทุนที่เราเทรดเสียต่อหนึ่งออร์เดอร์
- Lots หมายถึง จำนวนรวม Lot ทั้งหมด ที่เราเปิดorder
- Commissions: คือ ค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บจากเทรดเดอร์ในฐานะผู้ให้บริการในการเทรด แม้ว่าบางโบรกเขาจะบอกว่าไม่คิดค่า Commission
แต่จริงๆแล้วเค้าได้บวกกับค่า Spread (ค่าส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขายของตลาดในขณะนั้น)
ซึ่งอาจจะคิดเพียงแค่ $0.1 ต่อการเทรด 1 lot ($100,000) ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องทางตลาด (liquidity)
หรืออื่นๆ ตามแต่โบรกเกอร์นั้นๆจะคิดคำนวณช่องทางรายได้ของเขาครับ - Longs Won คือ เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำของออร์เดอร์ buy
- Shorts Won คือ เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำของออร์เดอร์ sell
- Best Trade($) คือ จำนวนเงินที่เราเคยทำได้มากที่สุดต่อการเทรด 1 ครั้ง
- Worst Trade($) คือ จำนวนเงินที่เราเสียมากที่สุดในการเทรด 1 ครั้ง
- Best Trade (Pips) คือ สถิติที่เราเทรดได้จำนวน pips ดีที่สุด
- Worst Trade (Pips) คือ สถิติที่เราเทรดเสียจำนวน pips มากที่สุด
- Avg. Trade Length คือ ค่าเฉลี่ยเวลาที่เราถือออเดอร์
- Profit Factor คือ อัตราส่วนจำนวนการเทรดที่ได้กำไร หารด้วย จำนวนการเทรดที่เสีย ค่าที่ได้ยิ่งมากยิ่งดี
- Standard Deviation เป็นตัววัดความผันผวน(volatility) โดยแสดงให้เห็นถึงการแกว่ง ของกำไร,ขาดทุนที่ระบบของเราทำได้ว่าแกว่งตัวออกจากค่าเฉลี่ยเท่าไร
- Sharpe Ratio มีไว้วัดอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน เมื่อเทียบกับความเสี่ยง ตัวเลขยิ่งเลขมากยิ่งดี
- Z-Score จะคำนวนความสามารถของระบบเทรด ว่าจะสร้างกำไรหรือขาดทุนได้เท่าไรในเชิงเส้น จะได้เห็นภาพว่าความสามารถนั้น เป็นแค่การสุ่มหรือเปล่า
- เพราะในระบบเทรดที่มี z-score เป็นเชิงเส้น มีความเป็นไปได้ 99.99% ที่กำไรจะเป็นไปตามกำไรและขาดทุนก็ขาดทุน ตามที่ปรากฏ
- Expectancy คือ ค่าเฉลี่ยของทุกออร์เดอร์ที่เทรดว่าเราจะได้กำไรเท่าไหร่ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
- AHPR คือ เป็นค่าเฉลี่ยผลตอบแทนต่อการเทรด เป็น %
- GHPR คือ เปอร์เซนต์การเติบโตของพอร์ตเฉลี่ยทุกๆ ออเดอร์ ค่ายิ่งมากพอร์ตยิ่งโตไว
Hourly บอกว่าใน 1 วัน(24 ชม.) ระบบการเทรดของเราเทรดช่วงเวลาไหน จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Daily บอกว่า ตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ วันไหนที่ระบบทำกำไรมากที่สุด ขาดทุนมากที่สุด
Risk Of Ruin บอกถึงโอกาสที่จะล้างพอร์ต
Duration บอกเวลาที่เราถือออร์เดอร์ 200 transactions ล่าสุด
MAE/MFE (เอาข้อมูล 200 transactions ล่าสุดมาวิเคราะห์)
*MAE คือ ค่าที่บอกขาดทุนสูงสุดก่อนปิดสถานะ, ระบบที่วาง stop loss ไว้อย่างเหมาะสมค่า MAE จะไม่สูงมากจนเกินไป (MAE มาก ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนมาก)
*MFE คือ ค่าที่บอกกำไรสูงสุดก่อนปิดสถานะ, MFE ช่วยเราในการวิเคราะห์จุดทำกำไรของเราว่าเหมาะสมหรือไม่,
MFE มากแต่รักษากำไรไว้ไม่ได้ อาจจะต้องวิเคราะห์หาจุดทำกำไรที่เหมาะสมใหม่
ผลรวมการเทรดทั้งหมด ควรมีให้ดู แสดงถึงความแม่นยำในการเทรด
myfxbook ที่ดีจะต้องสามารถดูย้อนหลังได้ด้วยน่ะ
ต้องคลิ๊กที่แท่งน่ะ ถึงจะโชว์ออกมาให้ดู ว่าเราได้กำไรจากคู่ไหนเยอะ
|
|